ทำไมถึงต้องกำจัด “ขยะเศษอาหาร”

ทำไมถึงต้องกำจัด “ขยะเศษอาหาร”

ขยะเศษอาหารหรือ Food Waste มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปี จากข้อมูลของสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2563 – เม.ย. 2564 พบว่าขยะมูลฝอยในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ถูกจัดเก็บได้มีสัดส่วนของขยะเศษอาหารสูงถึงร้อยละ 44.82 หรือคิดเป็น 3,879 ตัน/วัน จากปริมาณมูลฝอยที่จัดเก็บได้เฉลี่ย 8,655 ตัน/วัน ซึ่งใกล้เคียงกับปีประมาณ 2563 ที่มีสัดส่วนขยะเศษอาหารร้อยละ 45.41 หรือคิดเป็น 4,323 ตัน/วัน จากปริมาณมูลฝอยที่จัดเก็บได้เฉลี่ย 9,520 ตัน/วัน

การจัดการขยะเศษอาหารที่ไม่ถูกวิธีก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย เมื่อไม่มีการแยกขยะตั้งแต่ต้นทางทำให้ขยะเศษอาหารไปปนเปื้อนกับขยะประเภทอื่น ส่งผลให้การคัดแยกขยะก่อนการนำไปรีไซเคิลและกำจัดเป็นไปได้อย่างยากลำบาก ขยะเศษอาหารเมื่อทับถมกันมากขึ้นจะส่งกลิ่นเหม็น ก่อแหล่งเพาะเชื้อโรค กระจายความเน่าเสียสู่แหล่งน้ำ จนไปถึงการผลิตก๊าซมีเทนออกมาจำนวนมาก ซึ่งก๊าซมีเทนมีความร้ายแรงในการทำลายชั้นโอโซนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 28 เท่า ส่งผลทำให้เกิดภาวะโลกร้อน

การจัดการขยะเศษอาหาร

การจัดการขยะเศษอาหารอาจเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ตัวเรา เช่น การซื้อหรือบริโภคอาหารแต่พอดี การแยกขยะเศษอาหารก่อนทิ้ง การนำขยะเศษอาหารนำไปทำปุ๋ยอินทรีย์เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เป็นต้น วิธีเหล่านี้ถือเป็นวิธีที่จะช่วยลดปริมาณขยะเศษอาหารลงได้และยังสามารถช่วยโลกของเราได้อีกด้วย หากทุกคนตะหนักถึงผลเสียที่จะตามมาจากการจัดการขยะเศษอาหารที่ไม่ถูกวิธีและร่วมมือช่วยกันทำเพื่อโลกของเรา

 

การนำเทคโนโลยีเครื่องกำจัดขยะเศษอาหารเป็นปุ๋ยเข้ามาช่วยในเรื่องการจัดการขยะเศษอาหารเป็นอีกหนึ่งวิธีที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากจะทำให้การจัดการขยะเศษอาหารง่ายขึ้น ยังทำให้ขยะเศษอาหารเหล่านั้นถูกเปลี่ยนมาเป็นปุ๋ยนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้ การนำขยะเศษอาหารมาผลิตเพื่อใช้ใหม่ (recycle) ถือเป็นการลดปริมาณขยะเศษอาหารและลดปริมาณการปล่อยก๊าซมีเทนที่เป็นสาเหตุทำให้โลกร้อนได้อีกด้วย ปุ๋ยที่ได้จากขยะเศษอาหารถือว่าเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ เช่น ใส่ต้นไม้ พืชผักต่าง ๆ

Top